balldoo
Menu

10 ที่เที่ยวอุบลราชธานี รวมสถานที่อันซีนเมืองไทย ที่ชีวิตนี้ควรต้องไปให้เห็นกับตา!


ทุ่งศรีเมือง เดิมมีชื่อว่า “นาทุ่งศรีเมือง” เป็นที่ประดิษฐานศาลหลักเมือง หนึ่งในที่เที่ยวอุบลราชธานียอดนิยม ตั้งอยู่ใจกลางเมืองอุบลราชธานี ณ ถนนอุปราช บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัด (หลังเก่า) มีลักษณะเป็นทุ่งกว้าง แต่เดิมเป็นที่ทำนาของเจ้าเมือง ต่อมาสมัยรัชกาลที่ 5 ได้โปรดฯ ให้งดการทำนาที่ทุ่งศรีเมือง และนำมาใช้สอยเป็นพื้นที่สาธารณะเช่นเดียวกับสนามหลวงกรุงเทพฯ แทน โดยทุ่งนี้เป็นทั้งที่ประกอบพิธีศพเจ้าเมือง จัดงานประเพณีแห่เทียนพรรษา และประเพณีอื่น ๆ

ปัจจุบัน ทุ่งศรีเมืองได้กลายเป็นที่พักผ่อนของชาวเมืองอุบล และเป็นที่จัดเทศกาลงานบุญต่าง ๆ นอกจากนี้ที่นี่ยังมีต้นเทียนพรรษาเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ 9 เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ เมื่อ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2542 และยังมีอนุสาวรีย์พระปทุมวรราชสุริยวงษ์ (เจ้าคำผง) ผู้ก่อตั้งเมืองอุบลราชธานี โดยจะมีพิธีบวงสรวงและสดุดีวีรกรรมของท่าน ทุกวันที่ 10 พฤศจิกายน ของทุกปี ณ ทุ่งศรีเมืองแห่งนี้อีกด้วย

วัดทุ่งศรีเมือง เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองอีกหนึ่งที่เที่ยวอุบลราชธานี ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของ “ทุ่งศรีเมือง” สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว จุดเด่นของวัดแห่งนี้ คือ “หอไตรกลางน้ำ” ซึ่งได้รับการยกย่องว่า เป็นหอไตรที่สวยงามที่สุดและสมบูรณ์มากที่สุดแห่งหนึ่งในภาคอีสาน จัดเป็นหนึ่งในของดีประจำจังหวัดอุบลราชธานีเลยทีเดียว

นอกจากนี้ยังมีหอระฆัง และภาพจิตรกรรมฝาผนัง รวมถึงศิลปวัตถุมีค่าอีกหลายอย่าง เช่น พระพุทธบาทจำลอง และองค์พระเจ้าใหญ่เงินฮาง หอไตรกลางน้ำเป็นหอพระไตรปิฏกที่สร้างด้วยไม้ ตั้งอยู่กลางสระน้ำ มีลักษณะผสมผสานกันระหว่างศิลปะของไทย ลาว และพม่า ภายในมีตู้เก็บพระธรรมลงรักปิดทอง และหอไตรกลางน้ำยังได้รับรางวัล “อนุรักษ์สถาปัตยกรรมดีเด่น” จากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ถือว่าเป็นสถานที่เที่ยวเมืองอุบลที่ห้ามพลาด

วัดใต้พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ หรือวัดใต้เทิง ตั้งอยู่ที่ถนนพรหมราช เป็นที่เที่ยวอุบลราชธานีอันมีประวัติศาสตร์เก่าแก่ และเป็นวัดที่ถูกเคารพนับถือจากทั้งฝั่งไทยและฝั่งลาว ภายในพระอุโบสถมณฑปเพชร 7 แสงพระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ เป็นที่ประดิษฐาน “พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ” พระพุทธรูปเนื้อทองสำริด ปางมารวิชัย โดยมีความสำคัญเป็น 1 ใน 5 องค์จากจำนวนพระเจ้าใหญ่องค์ตื้อทั้งหมดที่มีอยู่ในประเทศไทย

นอกจากพระเจ้าใหญ่องค์ตื้อแล้ว ยังมีโบราณวัตถุ ได้แก่ พระพุทธรูปปางยืนห้ามสมุทร 4 องค์ และพระพุทธรูปเจตมุนเพลิงองค์ตื้อ (สีดำสนิท) หลักศิลาจารึกหินทราย 2 หลัก วิหารเฉลิมพระเกียรติ 200 ปี และเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธมงคลรัตนสิริธัญสถิตและเจดีย์พระบรมสารีริกธาตุ โดยทุกวันที่ 1-5 มีนาคมของทุกปี จะมีงานเทศกาลอัญเชิญพระพุทธรูปเจตมุนเพลิงองค์ตื้อ เพื่อให้ประชาชนได้นมัสการสรงน้ำตลอด 5 วัน 5 คืน

วัดพระธาตุเจดีย์ศรีมหาโพธิ์ หรือที่ชาวอุบลเรียกกันว่า “วัดพระธาตุหนองบัว” ตั้งอยู่ที่ถนนธรรมวิถี เป็นที่เที่ยวอุบลราชธานีที่ถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2500 เพื่อเป็นสัญลักษณ์ครบรอบ 25 ศตวรรษของพุทธศาสนา โดยพระธาตุเจดีย์ศรีมหาโพธิ์นี้ ได้จำลองแบบมาจากเจดีย์พุทธคยา ประเทศอินเดีย สถานที่ตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า โดยบริเวณฐานเจดีย์ มีประตูทางเข้าสู่ใจกลางเจดีย์ทั้ง 4 ด้าน ภายในองค์พระธาตุบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งถูกบรรจุไว้ในสถูปลงรักปิดทองศิลปะอินเดียแบบปาละ สลักลายเรื่องพระเจ้า 500 ชาติ

ด้านหลังของพระธาตุฯ มีอุโบสถศาลา ซึ่งสร้างเลียนแบบรูปทรงมาจากปรินิพพานวิหาร เมืองกุสินาราย รัฐอุตร ประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นที่เสด็จดับขันธปรินิพพานของพระพุทธเจ้า อีกหนึ่งไฮไลท์ในพระธาตุฯ แห่งนี้ คือรูปปั้นฉัพยาปุตตะ หรือพญานาคสีรุ้ง ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความงดงาม และความหลากหลายของสีวรกาย

พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ เป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติประจำจังหวัดแห่งแรกในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ ความเป็นมาของจังหวัดอุบลราชธานี ตลอดจนโบราณคดี ศิลปวัฒนธรรม หัตถกรรม พุทธศาสนา และการปกครอง เดิมพิพิธภัณฑ์ถูกใช้เป็นศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี โดยสร้างขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2461 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว

ลักษณะของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นอาคารชั้นเดียว ก่ออิฐถือปูนยกพื้นสูง หลังคาทรงปั้นหยา มุงกระเบื้องว่าว แผนผังอาคารเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าหันหน้าไปทางทิศเหนือ ถือเป็นอาคารที่มีคุณค่าทางสถาปัตยกรรม และเป็นอนุสรณ์สถานที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดอุบลราชธานี อีกทั้งยังได้รับรางวัลอาคารอนุรักษ์ศิลปกรรมดีเด่นในปี พ.ศ. 2532 จากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมถ์ นับเป็นที่เที่ยวอุบลราชธานีอันทรงคุณค่าที่ควรมาให้ได้

วัดเรืองแสง หรือวัดสิรินธรวราราม แห่งตำบลช่องเม็ก อำเภอสิรินธร โดดเด่นด้วยอุโบสถสีปัดทองตั้งเด่นเป็นสง่า ด้านหลังของอุโบสถเป็นจิตรกรรมเรืองแสงสีเขียวของต้นกัลปพฤกษ์อันแสนสวยงามตื่นตาตื่นใจในยามค่ำคืน ด้วยการใช้สารเรืองแสงหรือสารฟลูออเรสเซนต์ ซึ่งมีคุณสมบัติรับแสงพระอาทิตย์ในตอนกลางวัน และปล่อยพลังงานออกมาในตอนกลางคืน

โดยเป็นฝีมือการออกแบบของช่าง “คุณากร ปริญญาปุณโณ” ซึ่งมีแรงบันดาลใจมาจากต้นไม้แห่งชีวิต ในภาพยนตร์เรื่อง “อวตาร” และช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการชมและถ่ายภาพคือ ตั้งแต่เวลา 18.00-20.00 น. นอกจากนี้ บริเวณด้านหลังพระอุโบสถยังเป็นจุดชมวิวริมลำน้ำโขง ทิวทัศน์ของฝั่งลาว ด่านช่องเม็ก และอ่างเก็บน้ำบริเวณเชิงเขา นับว่าเป็นหนึ่งในที่เที่ยวอุบลราชธานีที่มีจุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงาม

หาดพัทยาน้อย หรือ ทะเลอีสานใต้ ตั้งอยู่ริมถนนสถิตนิมานการ บ้านใหม่ภูทอง อำเภอสิรินธร ห่างจากตัวเมืองอุบลประมาณ 60 กิโลเมตร ในฤดูแล้งระดับน้ำเหนือเขื่อนสิรินธรจะต่ำลงมาก จนเห็นเป็นหาดทรายขาวทอดตัวยาว และสามารถลงเล่นน้ำได้ พื้นที่แห่งนี้จึงได้รับการพัฒนาให้เป็นจุดท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ และเล่นน้ำยอดฮิตของชาวอุบลราชธานี รวมไปจนถึงชาวอีสานใต้ในหลายๆ พื้นที่ใกล้เคียงกัน


อุทยานแห่งชาติแก่งตะนะ เดิมชื่อ “อุทยานแห่งชาติดงหินกอง” เกาะแก่งกลางลำน้ำมูลที่ใหญ่ที่สุด มีเนื้อที่ประมาณ 50,000 ไร่ ตั้งอยู่ที่ตำบลคำเขื่อนแก้ว อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี มีลักษณะเป็นที่ราบสูงและเนินเขาเตี้ย ๆ โดยมียอดเขาบรรทัดเป็นจุดสูงสุด มีแม่น้ำมูลและแม่น้ำโขงไหลผ่านไปตามร่องหิน อีกทั้งยังมีถ้ำใต้น้ำหลายแห่ง ซึ่งเป็นจุดเด่นของแก่งตะนะแห่งนี้

“แก่งตะนะ” ที่เที่ยวอุบลราชธานีแห่งนี้ เป็นแก่งกลางลำน้ำมูลที่ใหญ่ที่สุด ตัวแก่งเป็นแผ่นหินขนาดใหญ่กั้นขวางลำน้ำมูล สายน้ำที่ไหลผ่านแก่งตะนะนั้น แยกเป็นน้ำตกน้อยใหญ่สวยงามน่าชม และมีจุดเล่นน้ำเหนือแก่ง ที่จะมีเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำ และรักษาความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยวอยู่เสมอ


สามพันโบก ได้รับสมญานามว่า “แกรนด์แคนยอนเมืองไทย” ตั้งอยู่ที่บ้านโป่งเป้า ตำบลเหล่างาม อำเภอโพธิ์ไทร เป็นแก่งหินทรายขนาดใหญ่ที่ถูกกระแสน้ำธรรมชาติกัดเซาะมานานหลายพันปี จนกลายเป็นแอ่งหลุมรูปร่างแปลกตา กระจายกินพื้นที่เลียบริมแม่น้ำโขง ทั้งฝั่งไทยและลาว ในช่วงหน้าแล้งจะปรากฏให้เห็นเป็นภาพศิลปะสารพัดรูปร่าง เป็นระยะทางกว่า 5 กิโลเมตร รวมเป็นพื้นที่กว่า 30 ตารางกิโลเมตร

จุดถ่ายรูปยอดฮิตคือ ผาหินรูปสะพานโค้ง, หินหัวสุนัข, สระมรกต, โบกรูปดาว, โบกรูปหัวใจ และโบกรูปมิกกี้เม้าส์ ใกล้ ๆ กันยังมีจุดน่าเที่ยวอย่างเช่น หลักศิลาเลข, ถ้ำนางเข็นฝ้าย, แก่งสองคอน, ถ้ำนางต่ำหูก, หาดหินสี, หาดแห่, ภูเขาหิน ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการมาเยือนสามพันโบกคือ ช่วงระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงมิถุนายนของทุกปี สามพันโบกเรียกได้ว่าเป็นที่เที่ยวอุบลราชธานีที่มีชื่อเสียงที่สุดเลยทีเดียว


แนะนำให้มาในฤดูแล้ง จะได้เห็นเนินทรายกว้างใหญ่ สมฉายาซาฮาร่าเมืองไทย และช่วงที่เหมาะกับการถ่ายรูปคือ 4 โมงเย็น จนถึงช่วงพระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้า จะได้ภาพสวยงามที่สุด อย่าลืมเลือกใส่รองเท้าที่เดินทรายได้สบาย ๆ รวมทั้งพกน้ำดื่มกันมาด้วย หากต้องการอยู่ถ่ายรูปจนพระอาทิตย์ตกดิน เพื่อความปลอดภัย ควรพกไฟฉายไปด้วย

โพสต์โดย : ขั้นเทพ ขั้นเทพ เมื่อ 9 ส.ค. 2567 19:28:15 น. อ่าน 21 ตอบ 0

facebook