ทั้งความเจ็บปวดทรมาน โกรธ ชิงชัง อิจฉาริษยา ความแค้น อาฆาตพยาบาล ความเครียด ความขัดแย้ง ความย่ำแย่ ความไม่พึงพอใจ พลัดพรากจากของรัก สูญเสีย ต่างจบลงแล้ว แต่คนเรายังทุกข์กับความคิดถึงเรื่องเหล่านั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ลองฝึกคิดในแง่ดี เพื่อรับมือกับทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาแล้วชีวิตคุณจะมีสุขเพิ่มขึ้น
1. ใช้วิกฤตให้เป็นโอกาส ฝึกมองโลกในแง่ดี เพื่อช่วยสร้างความหวัง หลังพายุเมฆฝนผ่านไป ท้องฟ้าจะกลับมาแจ่มใส และมีรุ้งที่สวยงามเกิดขึ้นเสมอ “ยังดีที่ฉันไม่ตาย แม้ต้องสูญเสียแขนซ้ายไป แต่ฉันยังมีชีวิตอยู่ ยังเหลือแขนขวาที่จะใช้ชีวิตได้ต่อไป” แม้ชีวิตจะยากลำบากอยู่บ้าง แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาของคนมองโลกในแง่ดีใช่มั้ย?
4. ยอมรับในสิ่งที่คุณไม่อาจควบคุมได้ และคิดถึงสิ่งที่คุณสามารถทำได้เพื่อให้สถานการณ์ดีขึ้น การมองโลกในแง่ร้ายไม่ช่วยอะไร นอกจากขัดขวางไม่ให้คุณทำสิ่งต่างๆ ได้สำเร็จ และเพาะนิสัยลังเล ไม่แน่ใจ ซึ่งทำให้เสียเวลาอันมีค่าไปอย่างน่าเสียดาย
5. อยู่ท่ามกลางคนคิดบวก เพราะนั่นหมายถึงจะทำให้พลังแห่งการคิดบวกของคุณเพิ่มมากขึ้น ลองจินตนาการดูว่า หากรอบกายของคุณเต็มไปด้วยคนหดหู่ สิ้นหวัง มองทุกอย่างในแง่ลบ...คิดจะยิ้มไม่ออก หรือคิดอะไรไม่ออกแน่
8. เห็นคุณค่าสิ่งดีๆ ในชีวิต แค่หาเวลาหยุดคิดและใคร่ครวญสักนิด แล้วคุณจะเห็นคุณค่าของมัน การบันทึกสิ่งดีๆ ด้วยการเขียนเรื่องราว หรือ วาดภาพสิ่งที่ทำให้คุณยิ้มได้ เช่น คำชมของเพื่อนๆ หรือสัตว์เลี้ยง การเลือกเก็บเฉพาะสิ่งดีๆ จะทำให้คุณมีทัศนคติที่ดีขึ้น และช่วยคุณได้ในยามท้อแท้
9. จงอยู่กับปัจจุบันขณะ คนทั่วไปมักถูกครอบงำด้วยเรื่องราวในอดีต และอนาคตที่ยังมาไม่ถึง แต่จริงๆ แล้วชีวิตที่ต้องดำเนินไปคือ ‘ชีวิตในปัจจุบันขณะ’ คุณไม่อาจเรียนรู้หรือจดจำในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นได้ หากใจยังติดอยู่กับห้วงเวลาอื่น ดังนั้น จงฝึกใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบันขณะอย่างมีสติ