Menu
หน้าแรก
ดูบอลสด
ตารางบอล
วิเคราะห์บอล
เว็บบอร์ด
รู้หรือไม่รับประทานผักผลไม้ช่วยต้านอนุมูลอิสระได้
อ่านข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับผักและผลไม้ที่เป็น
สารต้านอนุมูลอิสระ
ทั้งพืชตระกูลแอลเลียม (Allium)บิลเบอร์รี่ (Bilberry) ผักตระกูลกะหล่ำ และใบแปะก๊วย พร้อมด้วย
คำแนะนำสำหรับการรับประทานเป็นอาหารและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่จะช่วยให้คุณเข้าใจและบริโภคได้อย่างครบถ้วน
และถูกต้อง
พืชตระกูลแอลเลียม
(Allium) มีพืชกว่า 500 ชนิดด้วยกันที่อยู่ในตระกูล แอลเลียม แต่ตัวที่
เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
โดดเด่นระดับซูเปอร์สตาร์คือ
กระเทียม หอมใหญ่ หอมเล็ก กระเทียมต้น
ผักเหล่านี้มีสารฟลาโวนอยด์ วิตามินซี ซีลีเนียม และซัลเฟอร์ ซึ่ง
มีคุณสมบัติในการต้านมะเร็ง
ที่ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการ
ช่วยเซลล์กำจัดสารก่อมะเร็ง
ทั้งยังพบว่าผักในกลุ่มนี้
ช่วยป้องกันหัวใจวายเฉียบพลันและเส้นเลือดในสมองตีบ
โดยการ
ลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด ลดความดันโลหิต และป้องกันการเกิดลิ่มเลือด
นอกจากนั้นแล้วยัง
ช่วยตับทำงาน
โดยกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ที่ทำหน้าที่ขับสารพิษออกจากร่างกาย และอาจ
มีประโยชน์ในการป้องกันโรคภูมิแพ้และหอบหืด
อีกด้วย
คำแนะนำสำหรับการรับประทานเป็นอาหารและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร: คุณ
ไม่จำเป็นต้องรับประทานหัวหอมสดหรือกระเทียมสด
เพื่อที่จะได้ประโยชน์จากผักในกลุ่มนี้ เพราะแม้จะผ่านกระบวนการปรุงสุกแล้ว พวกมันก็ยังคงคุณสมบัติการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระไว้อยู่ แต่หากคุณไม่อยากเสี่ยงต่ออาการเรอเปรี้ยวหรือการมีกลิ่นปาก ก็
อาจหาซื้อกระเทียมอัดเม็ดแบบไร้กลิ่นมารับประทาน
ได้ ก้านพาร์สลีย์ เป็นยาระงับกลิ่นปากตามธรรมชาติได้ หรือคุณอาจ
หาซื้อเป็นน้ำมันสกัดจากพาร์สลีย์แบบแคปซูล
ซึ่งง่ายต่อการพกพาก็ใช้ได้เช่นกัน
บิลเบอร์รี่
(Bilberry) สมุนไพรชนิดนี้มีอีกชื่อหนึ่งว่า บลูเบอร์รี่ยุโรป
เป็นสารต้านอนุมูลอิสระชันยอด
มีสารแอนโทไซยาโนไซด์ ซึ่ง
ช่วยให้เส้นเลือดฝอยแข็งแรง ป้องกันต้อกระจก ตาบอดกลางคืน และโรคทางตาอื่นๆ และช่วยให้โลหิตไหลเวียนได้ดีขึ้น
ด้วย นอกจากนี้ มันยังอาจมีคุณสมบัติในการ
ยับยั้งการเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย ทำหน้าที่ต่อต้านการอักเสบและต้านการเกิดมะเร็ง
อีกด้วย
คำแนะนำสำหรับการรับประทาน
เป็นอาหารและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร: ในการรับประทานเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
บิลเบอร์รี่มีทั้งในรูปแคปซูลและแบบน้ำ รับประทานแคปซูลขนาด 500 มก. ได้ถึงวันละ 3 ครั้ง หรือผสมแบบน้ำ 15-40 หยดในน้ำเปล่าหรือน้ำผลไม้ ดื่มวันละ 3 เวลา
บิลเบอร์รี่จะทำงานได้ดีที่สุดหากรับประทานร่วมกับวิตามินซี (รับประทานวิตามินซีได้ถึง 500 มก.ต่อวัน)
ข้อควรระวัง
: อย่ารับประทานเกินขนาดที่แนะนำ! ถึงแม้ว่าบิลเบอร์รี่แบบสกัดที่วางขายกันอยู่นั้นจะปลอดภัย แต่ใบบิลเบอร์รี่อาจเป็นพิษได้หากรับประทานต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน
ผักตระกูลกะหล่ำ
ผักที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงกลุ่มนี้ (บรอกโคลี กะหล่ำดาว กะหล่ำปลี ผักเคล ฯลฯ)
มีวิตามินซีและฟลาโวนอยด์
ชนิดอื่นๆ นั่นคือสารพฤกษเคมีที่เรียกว่า อินโดล (Indoles) และซัลโฟราเฟน (Sulforaphane) อินโดลช่
วยยับยั้งการทำงานของเอสโทรเจน หากเอสโทรเจนทำงานมากไปอาจทำให้เกิดเนื้องอก โดยเฉพาะมะเร็งเต้านมได้ ส่วนซัลโฟราเฟนนั้นช่วยกระตุ้นเซลล์ในการสร้างเอนไซม์ที่ใช้ต่อสู้กับมะเร็ง
การรวมกันของสารต้านอนุมูลอิสระที่ยอดเยี่ยมเหล่านี้ ทำให้ผักตระกูลกะหล่ำ
ช่วยปกป้องมะเร็ง
ได้หลายประเภท
คำแนะนำสำหรับการรับประทาน
เป็นอาหารและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร: ถึงแม้ว่าผักตระกูลกะหล่ำ เช่น บรอกโคลี ผักเคล กะหล่ำดอก กะหล่ำดาว บ็อกชอย จะมีคุณค่าทางโภชนาการมากมาย แต่ผักเหล่านี้ก็ไม่ใช่อาหารจานโปรดของใครหลายคน โชคยังดีที่สารอาหารที่มีประโยชน์จากผักเหล่านี้
ได้มีการสกัดมาอัดเม็ดในรูปของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
แล้ว การรับประทานแบบเม็ดนั้นไม่ได้ให้เส้นใยอาหารและสารอาหารอื่นเท่ากับการรับประทานผักสด แต่ก็ยังดีกว่าการปล่อยให้ร่างกายเราไม่ได้รับประโยชน์จากสารอาหารที่ยอดเยี่ยมเหล่านี้เลย ตัวผมเองพบว่า การรับประทานผลิตภัณฑ์ผักและผลไม้รวมอัดเม็ดที่มีสารสกัดจากบรอกโคลีระหว่างมื้ออาหาร เป็นยาบำรุงกำลังชั้นเลิศ และยังเป็นวิธีที่ทำให้ผมได้รับสารอาหารต่างๆ อย่างครบถ้วน
ใบแปะก๊วย
สารสกัดจากใบแปะก๊วย
เป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นเลิศ
ที่รู้จักกันดีว่า
ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด
ส่งผลให้มีก๊าซออกซิเจนลำเลียงไปเลี้ยงหัวใจ สมอง และอวัยวะอื่นทั่วร่างกาย
ช่วยในเรื่องของการคิดและสมาธิ ช่วยลดอาการตะคริวหรืออาการเจ็บกล้ามเนื้อ
อื่นๆ และช่วย
บรรเทาอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
อันที่จริงแล้ว ผู้ชายบางคนบอกกับผมว่า สารสกัดจากใบแปะก๊วยนั้นเปรียบได้กับไวอะกร้าจากธรรมชาติ มันยัง
ช่วยลดอาการวิงเวียนศีรษะ เสียงดังในหู และช่วยให้ผู้ป่วยอัลไซเมอร์พัฒนาการรับรู้และการเข้าสังคม
ได้ดีขึ้น ด้วยความสามารถในการปกป้องเซลล์จากการทำลายของอนุมูลอิสระ จึงเป็นไปได้ว่ามัน
ช่วยชะลอกระบวนการชรา
และป้องกันโรคมะเร็งได้ การศึกษาใหม่ๆ พบว่า สารสกัดจากใบแปะก๊วย
ช่วยป้องกันและรักษาโรคศูนย์กลางจอประสาทตาเสื่อม และยังเป็นยาต้านโรคซึมเศร้า
ที่ได้ผลในคนไข้ที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาทั่วไป
คำแนะนำสำหรับการรับประทาน
เป็นอาหารและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร: สารสกัดจากใบแปะก๊วย
มีจำหน่ายในขนาด 40 และ 60 มก. คุณสามารถรับประทานเม็ดขนาด 60 มก.ได้ถึง 3 เม็ดต่อวัน
ข้อควรระวัง: หากรับประทานสมุนไพรชนิดนี้ร่วมกับยาแอสไพริน อาจทำให้มีเลือดออกที่ตาขาวได้
ตอบคำถาม
ตั้งคำถามใหม่
โพสต์โดย : solo
เมื่อ 7 ธ.ค. 2566 19:04:23 น. อ่าน 36 ตอบ 0
Member
Login
ลืมรหัสผ่าน
|
สมัครสมาชิกใหม่
ดูฟุตบอลออนไลน์