Menu
หน้าแรก
ดูบอลสด
ตารางบอล
วิเคราะห์บอล
เว็บบอร์ด
โรคหลอดเลือดสมอง ภาวะอันตรายที่ต้องรีบรักษา
โรคหลอดเลือดสมอง
เป็นสาเหตุการเสียชีวิต และความพิการลำดับต้น ๆ ของประเทศไทย ซึ่งในอดีตโรคนี้มักเกิดในผู้สูงอายุ แต่ในปัจจุบันกลับพบในกลุ่มคนอายุน้อย หรือกลุ่มคนในวัยทำงานได้เพิ่มขึ้น ซึ่งความรุนแรงของโรคอาจก่อให้เกิดความพิการ หรือบางรายอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต
โรคหลอดเลือดสมอง เกิดได้จากสาเหตุใด
โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) เป็นโรคที่มี “เวลา” เป็นคู่แข่งในการรักษาชีวิต เพราะเป็นภาวะที่สมองขาดเลือดไปเลี้ยงเฉียบพลัน เนื่องจากหลอดเลือดสมองตีบ, อุดตัน หรือหลอด เลือดสมองแตก ส่งผลให้เนื้อเยื่อสมองถูกทำลาย ทำให้การทำงานของสมองบางส่วนหรือทั้งหมดผิดปกติ ซึ่งสามารถเกิดได้จากปัจจัยเสี่ยงหลายอย่าง ทั้งปัจจัยที่เราสามารถควบคุมได้และควบคุมไม่ได้
ปัจจัยเสี่ยงที่สามารถควบคุมได้
โดยส่วนใหญ่จะพบในผู้ป่วยเบาหวาน หัวใจ ความดันสูง ไขมันในเลือดสูง สูบบุหรี่จัด และขาดการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
ปัจจัยเสี่ยงที่ไม่สามารถควบคุมได้
เพศ พบว่าเพศชายมีความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมองสูงกว่าเพศหญิง
เมื่ออายุมากขึ้น ความเสี่ยงก็จะมีเพิ่มขึ้น เนื่องจากหลอดเลือดจะเสื่อมตามไปด้วย
คนในครอบครัวมีประวัติเคยเป็น Stroke มาก่อน และในเพศชาย
โรคหลอดเลือดสมอง มีกี่ประเภท
หลอดเลือดสมองตีบหรืออุดตัน (ischemic stroke) เป็นสาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดสมองพบได้ประมาณ 80% ซึ่งเป็นภาวะที่สมองขาดออกซิเจน และเลือดไปเลี้ยง โดยเกิดการหนาตัวของผนังหลอดเลือดที่มีไขมันมาสะสมตามผนังหลอดเลือด ส่งผลให้เลือดไหลผ่านไปได้น้อยลง ซึ่งถ้าเกิดการสะสม และหนามาก จะทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ และทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถควบคุมอวัยวะ และระบบต่าง ๆ ภายในร่างกายได้ ซึ่งในบางรายอาจเป็นอัมพฤกษ์ หรืออัมพาตได้
หลอดเลือดสมองแตก (hemorrhagic stroke) พบได้ประมาณ 20% ของโรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งเกิดจากหลอดเลือดมีความเปราะบางร่วมกับภาวะความดันโลหิตสูง ส่งผลให้หลอดเลือดสมองปริแตกหรือฉีกขาด และมีเลือดไหลไปยังเนื้อเยื่อสมอง โดยเป็นภาวะที่อันตรายมาก เนื่องจากปริมาณเลือดที่ไปเลี้ยงสมองที่ลดลงอย่างฉับพลัน จะส่งผลให้เกิดเลือดออกในสมอง ที่อาจทำให้ผู้ป่วยอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้
สัญญาณเตือนโรคหลอดเลือดสมอง (อาการเริ่มแรก)
พูดไม่ชัด พูดไม่ได้หรือไม่สามารถเข้าใจคำพูดของคนอื่น โดยผู้ป่วยจะรู้สึกสับสน มึนงง พูดไม่ชัด หรือมีปัญหาในการทำความเข้าใจกับสิ่งที่คนอื่นพูด
อาการอ่อนแรง หรือชาบริเวณหน้า แขน ขา ซึ่งผู้ป่วยจะเกิดอาการอ่อนแรงหรือชาอย่างเฉียบพลัน โดยส่วนใหญ่จะเป็นซีกใดซีกหนึ่งของร่างกาย
ตาข้างใดข้างหนึ่งมัว หรือมองไม่เห็น เห็นภาพซ้อน หรือมีอาการคล้ายม่านบังตาที่เป็นฉับพลัน
เวียนศรีษะ ซึ่งอาการจะรุนแรงแบบเฉียบพลัน และมักจะพบร่วมกับอาการอื่น ๆ เช่น ปัญหาด้านการเดินเซ การทรงตัวผิดปกติ ซึมลง มึนศีรษะ และคลื่นไส้อาเจียน
การป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ ของผู้ที่เคยเป็นโรคหลอดเลือด (Stroke)
การหายจากอาการของโรคไม่ได้แปลว่าโรคหายแล้ว เนื่องจากหลอดเลือดมีการเสื่อมอย่างต่อเนื่อง และหลอดเลือดที่ยังไม่อุดตันแต่มีการตีบจะมีโอกาสอุดตันในภายหน้า รวมถึงหลอดเลือดที่โป่งพอง และยังไม่แตกก็อาจมีโอกาสแตกแล้วเกิดอาการขึ้นใหม่ได้
สามารถตรวจเช็กการตีบตันของหลอดเลือดคอที่ไปเลี้ยงสมอง Carotid Duplex เป็นประจำทุกปี
ผู้ป่วยอาจจะมีความจำเป็นที่จะต้องรับประทานยาต้านเกล็ดเลือดหลายชนิดร่วมกัน ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะเลือดออกผิดปกติในบริเวณต่าง ๆ ของร่างกายมากขึ้น เช่น ภาวะเลือดออกในทางเดินอาหาร ภาวะเลือดออกในสมอง เป็นต้น ผู้ป่วยจึงจำเป็นต้องทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด และไม่ควรซื้อยามากินเองโดยเด็ดขาด หรือมีการหยุดยาเอง รวมถึงหากมีอาการผิดปกติควรรีบมาพบแพทย์ทันที
ลด และควบคุมปัจจัยเสี่ยง เช่น โรคความดันสูง โรคไขมันในเลือดสูง โรคเบาหวาน
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์จำพวกผักผลไม้ให้มากขึ้น
ตอบคำถาม
ตั้งคำถามใหม่
โพสต์โดย : เจ้าหนู
เมื่อ 23 พ.ย. 2566 04:55:18 น. อ่าน 37 ตอบ 0
Member
Login
ลืมรหัสผ่าน
|
สมัครสมาชิกใหม่
ดูฟุตบอลออนไลน์