ศึก
“เอล กลาซิโก้” ยกแรกของฤดูกาล 2023/24 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
เรอัล มาดริด พลิกสถานการณ์กลับมาเอาชนะบาร์เซโลน่า ถึงเอสตาดี้ โอลิมปิก เด มอนจูอิก 2-1 และแซงขึ้นสู่จ่าฝูงเป็นที่เรียบร้อย
บาร์ซ่า ขึ้นนำก่อนตั้งแต่ 6 นาทีแรก จากอิลคาย กุนโดกัน แต่ราชันชุดขาว ได้จู๊ด เบลลิงแฮม เหมาคนเดียว 2 ประตูในครึ่งหลัง และต่อไปนี้คือ 5 ปัจจัยที่ทำให้ทีมของคาร์โล อันเชล็อตติ เก็บ 3 คะแนนในเกมนี้
แน่นอนว่า เหตุผลหลักที่ทำให้เรอัล มาดริดเป็นผู้ชนะ นั่นคือจู๊ด เบลลิงแฮม มิดฟิลด์ดาวรุ่งทีมชาติอังกฤษวัย 20 ปี ซึ่ง 2 ประตูจากเกมล่าสุด ทำให้ตอนนี้เขายิงไปแล้ว 13 ประตู จาก 13 นัดแรก รวมทุกรายการ
ตัวสำรองราชันชุดขาว ช่วยเปลี่ยนเกม
ชาบี้ เอร์นานเดซ เฮดโค้ชของบาร์เซโลน่า ได้วางแท็กติกที่น่าสนใจบางอย่าง เช่นการดันชูเอา คันเซโล่ ขึ้นไปเป็นกองหน้าฝั่งขวา และให้อิลคาย กุนโดกัน เล่นเกมรุกมากขึ้น ซึ่งก็ทำได้เป็นอย่างดีในครึ่งแรก
อย่างไรก็ตาม ในช่วงต้นครึ่งหลัง
คาร์โล อันเชล็อตติ เทรนเนอร์ของเรอัล มาดริด ได้เปลี่ยนผู้เล่นสำรองอย่างเอดูอาร์โด้ คามาวิงก้า, โฆเซลู รวมถึงลูก้า โมดริช ช่วยให้เกมของราชันชุดขาวดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
คามาวิงก้าสามารถรับมือกับแนวรุกของบาร์ซ่าได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งชูเอา คันเซโล่, เฟร์มิน โลเปซ รวมถึงลามีน ยามาล อีกทั้งยังสามารถพาบอลไปยังแดนหน้า ทำให้เกมบุกของเรอัล มาดริดดีขึ้นแทบจะในทันที
ดานี่ คาบาฮาล แบ็กขวาของเรอัล มาดริด ได้สวมปลอกแขนเป็นกัปตันทีมลงเล่นเอล กลาซิโก้ และโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม เป็นหัวใจสำคัญในแนวรับของทีม โดยเฉพาะการรับมือกับเกมรุกฝั่งซ้ายของบาร์ซ่า
บิ๊กเซฟของเกป้า ช่วยมาดริดเอาตัวรอด
เกป้า อาร์ริซาบาลาก้า ผู้รักษาประตูของเรอัล มาดริด กับการลงเฝ้าเสาในเกมแห่งฤดูกาลอย่างเอล กลาซิโก้ เป็นครั้งแรกในชีวิต เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ต้นสังกัดของเขา
บุกมาคว้า 3 แต้มถึงถิ่นมอนจูอิก
นายทวารชาวสเปนวัย 29 ปี โชว์การเซฟจังหวะสำคัญในครึ่งหลังถึง 2 ครั้ง เริ่มจากบล็อกลูกยิงของโรนัลด์ อเราโฆ่จากระยะเผาขน ช่วงต้นครึ่งหลัง และป้องกันลูกยิงของราฟินญ่า ช่วง 5 นาทีสุดท้ายของเกม