balldoo
Menu

“จิ้งจอก” ไม่น่าพลาด

การตกชั้นจากพรีเมียร์ลีก ลีกสูงสุดของอังกฤษ ไปเล่นในเดอะ แชมเปียนชิป (ดิวิชัน1) หลายคนเป็นกังวลว่าต้องใช้เวลาหลายปีที่จะต้องฝ่าฟันขึ้นชั้นมาเล่นในพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง เพราะในศึกแชมเปียนชิปนั้นก็มีเสือสิงห์กระทิงแรดที่พร้อมจะแย่งชิงโอกาสอยู่มากมาย
ซึ่งในอดีตก็เป็นเช่นนั้นมีหลายทีมมากใช้เวลาในการตกชั้นไปเล่นเดอะ แชมเปียนชิป แล้วกว่าจะรีเทิร์นกลับมาเล่นบนลีกสูงสุดอีกครั้ง บางทีมก็หายไปเลย อย่างเช่น โคเวนทรี, แบล็คเบิร์น โรเวอร์ หรือมิดเดิลสโบรช์ ที่แต่ก่อนดังมากแต่สุดท้ายก็ตกชั้นยังไม่กลับมาลีกสูงสุดอีกเลย
แต่ในช่วง 4 ปี ให้หลังก็มีหลากหลายทีมสามารถ กลับขึ้นมาเล่นในพรีเมียร์ลีกในปีถัดมาได้เลยหลังจากร่วงไปเพียงแค่ปีเดียวเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นฟูแลม ที่เคยทำได้ถึง 2 ครั้ง โดยตกชั้นในฤดูกาล2018-2019 แต่ก็กลับมาในซีซัน 2019-2020 และอีกปีก็คือ ซีซัน 2020-2021 แต่ก็กลับมาในซีซัน 2021-2022

มีอีก 3 ทีม ที่ทำได้ก็คือ วัตฟอร์ด เคยร่วงตกชั้น ในซีซัน 2019-2020, นอริช ซิตี้ ฤดูกาล 2019-2020 และเบิร์นลีย์ ฤดูกาล 2021-2022 ซึ่งทั้งหมดก็ใช้เวลาเพียงแค่ปีเดียวก็ขึ้นสู่ลีกสูงสุดอีกครั้ง

ซึ่งในฤดูกาลนี้ก็ส่อแววว่าจะมีทีมที่สามารถขึ้นชั้นกลับไปเล่นในพรีเมียร์ลีกได้ใน 1 ปีเช่นกัน ได้แก่ “จิ้งจอกสยาม” เลสเตอร์ ซิตี้ อดีตแชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2015-2016 ที่ร่วงตกชั้นมาเล่น ในเดอะ แชมเปียนชิป ในฤดูกาลนี้
ในตอนแรกหลายคนก็เป็นกังวลใจเช่นกันเพราะในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา “จิ้งจอกสยาม” ได้ปล่อยแข้งตัวหลักไปหลายรายเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นเจมส์ แมดดิสัน เพลย์เมกเกอร์ตัวเก่งที่ย้ายไปซบ “ไก่เดือยทอง” ทอตแนม ฮอตสเปอร์ และ ฮาวีย์ บาร์นส์ ปีกจอมทะลุทะลวงที่ย้ายไปเล่นให้กับ “สาลิกา” นิวคาสเซิล

เช่นเดียวกับยูริ ติเลมันส์ กองกลางทีมชาติเบลเยียม ที่ไม่ยอมต่อสัญญาก่อนย้ายแบบไร้ค่าตัวไปเล่นให้กับ “สิงห์ผงาด” แอสตัน วิลลา ซึ่งการขาด หายไปของ 3 แข้งตัวหลักนี้ ทำเอาแฟนคลับถึงกับ เหงื่อตกว่า “จิ้งจอกสยาม” จะกลับมาเลื่อนชั้นใน 1 ซีซันได้หรือไม่

แถมการเสริมทัพของเลสเตอร์ ซิตี้ นั้นได้ตัวหลักๆแค่แฮร์รี วิงส์ กองกลางชาวอังกฤษและ คอนอร์ เคาดี ปราการหลังจอมแกร่งเลือดผู้ดี เข้ามา เสริมทัพ ทำให้หลายฝ่ายยิ่งเป็นกังวลอย่างหนัก

แต่กลับกลายว่า การมาของทั้งสองคนอุดจุดบอดของทีมได้เยอะพอสมควร และยิ่งมาผนึกกำลังกับตัวหลักๆในซีซันก่อนอย่างเจมี วาร์ดี กองหน้าตัวเก๋าชาวอังกฤษ, เคเลชิ อิเฮียนาโช, คีร์แนน ดรูว์บิวรี-ฮอลล์, วิลเฟร็ด เอ็นดีดี, เวาท์ ฟาเอส, มาร์ค อัลไบรท์ตัน และยานนิค เวสเตอร์ การ์ด ที่มีฝีเท้าในระดับพรีเมียร์ลีกอยู่แล้ว

จึงไม่น่าแปลกใจที่ “จิ้งจอกสยาม” กำลังทำ ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมอยู่ในตอนนี้ โดยลงเล่นไป ทั้งหมด 12 นัด ชนะ 11 นัด และแพ้เพียงแค่นัดเดียว เท่านั้น ทิ้งห่าง “ม้าขาว” อิปสวิช รองจ่าฝูง อยู่ 5 แต้มด้วยกัน

จากฟอร์มของ “จิ้งจอกสยาม” นอกจากตัวผู้เล่น ที่ดูแกร่งสุดในลีกแล้วก็ต้องยกความดีความชอบให้กับ เอ็นโซ มาเรสกา กุนซือชาวอิตาเลียน ที่เข้ามาจัดการ วางแผนงานให้กับทางเลสเตอร์ ซิตี้ ได้อย่างยอดเยี่ยม

ทั้งเกมรุกที่ค่อนข้างดุดัน แถมยังมีจังหวะเข้าทำที่ค่อนข้างหลากหลายที่ตอนนี้ยิงไปมากที่สุด 26 ประตูด้วยกัน ขณะที่เกมรับก็ค่อนข้างเหนียวแน่นแบบสุดๆ ลงเล่นไป 12 นัด เพิ่งเสียไปแค่ 7 เม็ดเท่านั้น เรียกได้ว่าการเข้ามาของนายใหญ่ชาวอิตาเลียนช่วยทำให้ “จิ้งจอกสยาม” กลายเป็นทีมที่ครบเครื่องที่สุดในลีกตอนนี้

ดูแล้วเลสเตอร์ ซิตี้ แม้ว่าอาจจะมีแผ่วบ้างหลังจากนี้ไปเมื่อเจอโปรแกรมเตะถี่ยิบ แต่ขุมกำลังโดยรวมก็ไม่น่าพลาดที่จะกลับมาเล่นในพรีเมียร์ลีก ในซีซันหน้า

ตอนนี้มาลุ้นกันแค่ว่า “จิ้งจอกสยาม” จะทำลาย สถิติเก็บแต้มมากที่สุดในประวัติศาสตร์เดอะ แชมเปียนชิป ที่เรดดิง เคยทำเอาไว้ในฤดูกาล 2005- 2006 ไว้ 106 คะแนนได้หรือไม่

โพสต์โดย : fahsaii fahsaii เมื่อ 25 ต.ค. 2566 06:48:14 น. อ่าน 43 ตอบ 0

facebook