1.การรังแกทางวาจา ได้แก่ พฤติกรรมการตะคอก ข่มขู่ คุกคาม เหยียด แซะ หรือดูถูกกัน
2.การควบคุมปลุกปั่น ได้แก่ พฤติกรรมการแพร่กระจายข่าวลือ การนินทา การดิสเครดิต หรือจงใจกันบางคนออกจากการประชุมหรือโครงการที่สำคัญ
3.การทำร้ายร่างกายหรือสิ่งของ ได้แก่ พฤติกรรมการทุบตี ผลัก ปาสิ่งของใส่ หรือทำลายทรัพย์สินของพนักงานคนอื่น
4.การรังแกในโซเชียลมีเดีย หรือ Cyber Bullying คือ พฤติกรรมการส่งข้อความข่มขู่หรือก่อกวนทางอีเมลหรือโซเชียลมีเดีย การโพสต์ความคิดเห็นหรือรูปภาพเชิงลบหรือให้ร้ายทางออนไลน์
5.การเลือกปฏิบัติ ได้แก่ พฤติกรรมการปฏิบัติต่อพนักงานแตกต่างกันไปตามอคติ ความชอบ เพศ อายุ รสนิยมทางเพศ ความพิการ หรือเชื้อชาติ
6.การก้าวร้าวเล็กๆ น้อยๆ ได้แก่ พฤติกรรมการเพิกเฉยต่อความคิดไอเดียที่นำเสนอ การไม่ฟัง การขัดจังหวะ หรือการไม่ยอมรับความสำเร็จ
7.การล่วงละเมิด ได้แก่ พฤติกรรมการล่วงเกินทางกายหรือทางวาจาที่ไม่เหมาะสม การลวนลาม ใช้คำพูดสองแง่สองง่าม หรือการล้อเลียน
พฤติกรรมเหล่านี้สามารถสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ไม่เป็นมิตรและข่มขู่ ซึ่งนำไปสู่ผลเสียต่อสุขภาพจิต สุขภาพกาย และประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานที่ตกเป็นเป้าหมายของการกลั่นแกล้ง นอกจากนี้ยังอาจส่งผลเสียต่อประสิทธิภาพการทำงานและขวัญกำลังใจของทั้งสถานที่ทำงานอีกด้วย
การบูลลี่ในที่ทำงานและเกมชิงอำนาจหรือการเมืองมักจะเกี่ยวข้องกันอย่างใกล้ชิด เนื่องจากทั้งคู่เกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจและการจัดการเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ เกมอำนาจหรือการเมืองในที่ทำงานมักเกี่ยวข้องกับบุคคลหรือกลุ่มต่างๆ ที่แย่งชิงอำนาจและอิทธิพลภายในบริษัทหรือองค์กร ซึ่งอาจรวมถึงการวางแผนเพื่อเลื่อนขั้น ได้ทรัพยากร หรือควบคุมโครงการหรือการตัดสินใจในบางเรื่องที่สำคัญ
ในบางกรณี เกมอำนาจหรือการเมืองในที่ทำงานมักนำไปสู่พฤติกรรมการบูลลี่เนื่องจากบุคคลหรือกลุ่มบุคคลใช้อำนาจและอิทธิพลของตนเพื่อข่มขู่หรือบ่อนทำลายผู้อื่นเพื่อให้ได้เปรียบ
การบูลลี่กันในที่ทำงานอาจเป็นรูปแบบของการใช้อำนาจได้เช่นกัน เนื่องจากผู้รังแกใช้อำนาจและอิทธิพลของตนเพื่อควบคุมและครอบงำเหยื่อของตน ตัวอย่างเช่น หัวหน้างานอาจกลั่นแกล้งพนักงานเพื่อแสดงอำนาจ หรือควบคุมโครงการหรือการตัดสินใจสำคัญ
นอกจากนี้ ในที่ทำงานบางแห่ง คนรังแกอาจได้รับการปกป้องจากผู้บริหารหรือผู้บังคับบัญชา เพราะพวกเขาถูกมองว่าเป็นทรัพย์สินที่มีค่าของบริษัทเนื่องจากทักษะ ผลงาน หรือความอาวุโส สิ่งนี้นำไปสู่การสร้างวัฒนธรรมแห่งความกลัวและการไม่กล้าบอก ซึ่งผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของการบูลลี่ลังเลที่จะพูดออกมาเพราะกลัวจะถูกคุมคามมากขึ้น เกิดผลเสียต่อหน้าที่การงาน และฝ่ายที่บูลลี่ยังคงทำงานร่วมกันโดยไม่มีใครทำอะไรได้
สิ่งสำคัญสำหรับองค์กรคือต้องตระหนักว่าเกมอำนาจและการเมือง รวมถึงการบูลลี่สามารถส่งผลเสียต่อองค์กรอย่างมาก และดำเนินการเพื่อแก้ไขและป้องกันพฤติกรรมดังกล่าว ซึ่งอาจรวมถึงการให้การฝึกอบรมเกี่ยวกับการตระหนักในเรื่องการบูลลี่ จริยธรรมของผู้นำ และการส่งเสริมวัฒนธรรมการเข้าอกเข้าใจและเมตตาต่อกัน เป็นต้น
นอกจากนี้ องค์กรควรมีนโยบายต่อต้านการรังแกกันในที่ทำงานและกำหนดขั้นตอนที่ชัดเจนในการรายงานและจัดการกับพฤติกรรมดังกล่าว ซึ่งอาจรวมถึงการฝึกอบรมต่อต้านการบูลลี่ สร้างความมั่นใจว่าพนักงานตระหนักถึงสิทธิของตน และช่วยเหลือพนักงานที่ถูกรังแก รวมถึงควรดำเนินการเพื่อจัดการบุคคลที่มีพฤติกรรมบูลลี่คนอื่น
โพสต์โดย : เจ้าหนู เมื่อ 12 ต.ค. 2566 18:29:09 น. อ่าน 38 ตอบ 0