ข่าวกีฬาตะกร้อ เพราะเข้าไปในแคมป์ไม่กี่เดือนก็ได้โอกาสไปแข่งขันในนามทีมชาติทันที แต่ก็เป็นอีกครั้งที่จุดเริ่มต้นบทใหม่ของเขาไม่สวยงามเหมือนช่วงวัยมัธยมจากที่เคยแขนหักตั้งแต่เริ่มแต้มแรก การนับหนึ่งในนามทีมชาติไทยของเขา คือการตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายไปแบบช็อคโลก
“หลังจากเก็บตัวได้ไม่นานผมก็มีชื่อไปแข่งตะกร้อซูเปอร์ ซี่รีย์ ที่ อินเดีย ในปี 2013 ตอนนั้นมีรุ่นพี่ทั้ง พี่บี อนุวัฒน์ ชัยชนะ , พี่โน๊ต ภัทรพงษ์ ยุพดี , พี่เอกซ์ ศุภชัย มณีนาท และ พี่ท๊อป รัถเดช น้อยเจริญ”
“แมทซ์นั้นผมลงสนามในรอบ 8 ทีมสุดท้ายเจอกับเกาหลีใต้ ตอนนั้นผมว่าผมมั่นใจมากเกินไป มีความกระหายที่อยากเล่นมากๆ แต่อีกมุมนึงก็มีความกดดันที่เรามาแล้วแพ้ไม่ได้ เพราะรุ่นพี่คนอื่นๆเขาไม่เคยแพ้ในรายการนี้เลย ในเกมส์เสิร์ฟผมทำได้ดีมาก แต่เกมส์รับกลายเป็นจุดอ่อนของทีม เพราะเกมส์รับผมตอนนั้นทำได้ไม่ได้ เลยทำให้พวกพี่ๆเล่นยากไปด้วย”
“หลังจากแพ้เซตแรกผ่านไป ต่อด้วยเซตที่สอง ตอนนั้นเราเริ่มคิดแล้วว่าจะเอายังไงดี เพราะโค้ชก็ยังตะโกนบอกว่าเค้นฟอร์มออกมาให้ได้ แต่สุดท้ายผมก็ยังเล่นไม่ออกจนแพ้ไป”
“ผมบอกกับพี่บี อนุวัฒน์ ว่าผมไม่อยากกลับประเทศไทยแล้ว ผมกลัว ความกลัวมันเข้ามาในหัวสารพัด กลัวโดนด่า เพราะไทยไม่เคยแพ้ในรายการนี้ ตอนนั้นคิดในใจว่าเส้นทางของเรากับทีมชาติไทยมันจบแล้ว คงไม่ได้โอกาสหลังจากนี้แล้ว”
แม้จะกลับประเทศไทยด้วยความปราชัย แต่บรรยากาศในแค้มป์เก็บตัวทีมชาติไทยก็ยังคงมุ่งมั่นต่อไป เพราะมีรายการใหญ่อย่างศึกตะกร้อชิงแชมป์โลก คิงส์คัพ รออยู่ การทำงานหนักขึ้นในสนามฝึกซ้อม คือ สัญญาณที่ สิทธิพงศ์ รู้ได้เองว่า เขายังได้รับโอกาสต่อไป
“ตอนนั้นกลับมาผมซ้อมเกมส์รับหนักมาก เพื่อลบจุดอ่อนของตัวเอง และสุดท้ายผมมีชื่อเป็น 1 ใน 12 คนสุดท้ายที่ได้ไปลุยศึกคิงส์คัพ ในตอนนั้นผมรู้แล้วว่าผมได้รับโอกาสครั้งที่สอง ผมจะต้องคว้ามันไว้ให้ได้และเมื่อคว้าไว้แล้วจะต้องรักษามันไว้ให้นานๆ”
“หลังจากผ่านฝันร้ายมา มันเหมือนผมได้ตื่นขึ้นมาเพื่อทำอะไรบางอย่างให้ลืมฝันร้าย การฝึกซ้อมอย่างหนักเพื่อลบจุดอ่อนในเรื่องเกมส์รับ และพัฒนาสภาพจิตใจให้นิ่งขึ้น และการลงสนามในศึกคิงส์คัพครั้งนั้นที่ จ.อุดรธานี สิ่งที่ผมคิดคือ ผมจะต้องผ่านมันไปให้ได้”
ชื่อของ สิทธิพงศ์ คำจันทร์ ปรากฏขึ้นทุกครั้งที่ทีมตะกร้อไทยลงสนาม และเขาเองก็ไม่ทำให้ความเชื่อมั่นจากทีมโค้ชตะกร้อไทยผิดหวัง หลังระเบิดฟอร์มเสิร์ฟพาทีมตะกร้อไทยคว้าแชมป์ไปได้อย่างยิ่งใหญ่
“หลังจากทำได้สำเร็จ เอาเหรียญทองมาคล้องที่คอ ผมบอกกับตัวเองว่า เราทำได้แล้ว ปลดล็อคได้แล้ว นี่คือจุดเริ่มต้นของผม และผมจะไม่มีวันหยุดพัฒนาตัวเอง เพราะผมเชื่อเสมอว่านักกีฬาที่คิดว่าตัวเองเก่งแล้วจะไม่มีวันประสบความสำเร็จ คนที่พร้อมจะพัฒนาตัวเองนี่แหละ ที่พร้อมจะเดินหน้าเพื่อตามหาความสำเร็จต่อไป”
อ่านข่าวต่อ : ข่าวกีฬาตะกร้อ
โพสต์โดย : ii55 เมื่อ 23 ก.ย. 2565 15:08:39 น. อ่าน 185 ตอบ 0