balldoo
Menu

ซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ผู้เข้ามาปลุกกระแสบอลทีมชาติไทย


ซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ผู้เข้ามาปลุกกระแสบอลทีมชาติไทย

ร้อยตำรวจโท เกียซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ผู้เข้ามาปลุกกระแสบอลทีมชาติไทย


ร้อยตำรวจโท เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ชื่อเล่น โก้ เป็นอดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทย ในตำแหน่งกองหน้า ปัจจุบันเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนให้กับฮหว่างอัญซาลาย ในวีลีกของประเทศเวียดนาม อดีตหัวหน้าผู้ฝึกสอนฟุตบอลทีมชาติไทย มีชื่อเล่นที่สื่อมวลชนสายกีฬาตั้งให้ว่า ซิโก้ ตามชื่อของนักฟุตบอลชาวบราซิลที่มีชื่อเสียง อันมีที่มาจากชื่อเล่นของเขาเอง ซึ่งวันนี้ทาง 1SIX8 จะพามามารู้จักอีกหนึ่งตำนาน ที่เป็นทั้งนักเตะ และ โค้ชให้กับทีมชาติไทยของเรา


ซิโก้เกิดเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2516 โดยเขาเกิดที่จังหวัด อุดรธานี และได้ย้ายตามบิดา ไปอาศัยในจังหวัดขอนแก่น ในเวลาต่อมา ซึ่งเขาได้เริ่มแข่งขันฟุตบอลระดับประเทศครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2533 โดยติดทีมชาติไทยชุดเยาวชน ไปแข่งขันที่ประเทศมาเลเซีย และต่อมาในปี พ.ศ. 2536 ก็ขึ้นไปติดทีมชาติไทยชุดใหญ่ครั้งแรก


 ซิโก้ยังอยู่ในทีมชาติไทย ชุดที่ชนะเลิศการแข่งขันฟุตบอล ในกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 17, 18 และ 19 และชุดที่เป็นอันดับ 4 การแข่งขันฟุตบอล ในกีฬาเอเชียนเกมส์สองสมัยติดต่อกันคือ ครั้งที่ 13 ประจำปี พ.ศ. 2541 ซึ่งซิโก้ยิงประตูขึ้นนำทีมชาติเกาหลีใต้ ก่อนที่ธวัชชัย ดำรงค์อ่องตระกูล จะทำประตูโกลเดนโกลให้ทีมชาติไทยผ่านเข้ารอบ 4 ทีมสุดท้าย และครั้งที่ 14 ประจำปี พ.ศ. 2545

 และเขายังมีผลงานอื่นๆในนามทีมชาติอีกมามาย จนทาง  สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) บันทึกว่า ซิโก้ เป็นผู้ทำประตูสูงสุด ให้แก่ทีมชาติไทยชุดใหญ่ ที่ 71 ประตู จากการลงเล่น 134 นัด ในการแข่งขันอย่างเป็นทางการที่รับรองโดยฟีฟ่าโดยนัดสุดท้ายที่ซิโก้ลงเล่นกับทีมชาติไทยชุดใหญ่คือนัดกระชับมิตรที่พบกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่สนามศุภลาศัย กรีฑาสถานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2550

ต่อมาในปี พ.ศ. 2556 :ซิโก้ ได้ถูกแต่งตั้ง แต่งตั้งให้ซิโก้เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนฟุตบอลทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ก่อนที่จะนำทีมชาติไทยชุดดังกล่าวลงแข่งขันฟุตบอลนัดกระชับมิตรกับทีมชาติจีน เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน โดยทีมชาติไทยสามารถเอาชนะทีมชาติจีน ด้วยการทำประตูมากที่สุดในประวัติศาสตร์คือ 5 ต่อ 1 โดยในปลายปีเดียวกัน ซิโก้คุมทีมชาติไทยชุดเดียวกันคว้าเหรียญทองในการแข่งขันฟุตบอลชายกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 27 ที่กรุงเนปยีดอของประเทศพม่า โดยในการชิงชนะเลิศ ทีมชาติไทยชนะอินโดนีเซีย 1 ประตูต่อ 0 ถือว่าเป็นการเริมเป็นผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยอย่างเต็มตัว และได้คุมทีมชาติต่อมาเรื่อยๆ เรียกได้ว่าเขาคือคนที่เข้ามาเปลี่ยนและปลุกกระแส ฟุตบอลทีมชาติไทยขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยแนวทางการทำทีมของเขา ทำให้ ทีมชาติไทยชุดที่ ซิโก้ ดูแลนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ละคว้าแชมป์ในระดับภูมภาคมากมาย


จนกระทั่งในการแข่งขัน ฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบที่ 3 ปรากฏว่าซิโก้ทำผลงานได้อย่างย่ำแย่มาก แข่งไป 7 นัด เสมอเพียงนัดเดียวกับออสเตรเลีย แต่นอกจากนั้นแพ้รวด จนกระทั่งวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2560 ซิโก้จึงประกาศผ่าน อินสตาแกรม ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายเป็นอย่างมาก  และหลังจากที่เขาออกจากการเป็นผู้ฝึกสอน ทีมชาติไทย ซิโก้ ก็ได้ไปเป็นผู้ฝึกสอนให้กับ สโมสรฮหว่างอัญซาลาย ซึ่งเป็นที่ที่เขาเคยค้าแข้งสมัครที่ยังเป็นนักเตะอยู่


แต่ตอนนี้แฟนบอลชาวไทย ก็อาจจะได้ชมเขาคุมทีมอีกครั้ง หลังจากที่ ซิโก้ ได้ออกมาพูดถึง เป้าหมายต่อไปของเขา หลังจากที่ใกล้จะหมดสัญญาการเป็นโค้ช ให้กับสโมสรชื่อดังของเวียดนามในเดือน พฤศจิกายน 2565 ที่จะถึงนี้  นั่นก็คือการไปเป็นผู้จัดการทีมให้กับสโมสรใน เจลีก ซึ่งซิโก้ได้กล่าวว่า "แน่นอน การคุมทีมในเจลีกมันเป็นความใฝ่ฝันอยู่แล้ว เพราะว่าพี่โก้ก็มีความใฝ่ฝันเหมือนกัน อย่างโค้ชเกาหลีหรือโค้ชญี่ปุ่นจบโปรไลเซนส์ ที่เป็นของเอเอฟซี เขาสามารถไปยื่นที่อื่นก็ได้หากว่าโชว์ผลงานการคุมทีมได้ดี คิดว่าเป็นไปได้หมด อย่างเช่นโค้ชที่ทำในญี่ปุ่น ก็มีหลายคนที่เป็นโค้ชต่างชาติ อันนั้นพี่ว่ามันก็เป็นความใฝ่ฝัน ส่วนจะไปได้ไม่ได้มันอีกเรื่อง เราก็ต้องพัฒนาตัวเองให้เกิดการยอมรับก่อน"


"โปรไลเซนส์ คือใบเบิกทาง แต่เราจะทำอย่างไรให้คนที่จะจ้างเรายอมรับก่อน และมาตรฐานของโค้ชมันก็ต้องสร้างโปรไฟล์ ถ้าเรามีคนที่เสนองานให้เราเยอะเท่าไร มันทำให้เรามีความรู้สึกว่ามีคนแอบมองเราอยู่ ก็เหมือนกับนักฟุตบอล ถ้าผลงานดีก็มีคนซื้อ ถ้าผลงานไม่ดีก็ไม่มีใครจ้าง"


"อย่างที่บอกพี่ยังต้องรักษาสัญญากับประธานสโมสรฮหว่างอัญซาลายแต่ในสายงานโค้ชในเรื่องของสัญญามันเป็นคำตอบอยู่ในตัวอยู่แล้ว พี่ถึงไม่ได้ออกไปพูดถึงการไปไหนอะไรยังไง แต่ด้วยความเป็นจริงเราอยู่ในภายใต้สัญญาเป็นหลัก ส่วนในอนาคตสัญญากับฮหว่างอัญซาลายจะเป็นอย่างไร มันก็ขึ้นอยู่กับผลงาน ผลงานปีนี้ทั้งในลีกหรือเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก จะเป็นอย่างไร เข้าตาประธานสโมสรฮหว่างอัญซาลายหรือไม่ เขาจะต่อสัญญาหรือไม่ต่อ หรือยังไง ถ้าไม่ต่อแล้วจะเป็นอย่างไร เราก็ต้องหางานเอา  นี่คือวิถีของโค้ช ถ้าผลงานดีก็ได้ไปต่อ แต่ถ้าวิถีของโค้ชไม่ดี มันไปต่อไม่ได้หรอก"


พวกเราก็ต้องรอติดตามผลงานเขาต่อไป ไม่แน่ว่าในอนาคต เขาอาจจะกลับมาคุมฟุตบอลทีมชาติไทย ให้เราได้ชมได้เชียร์กันอีกครั้งก็เป็นได้

 

รติศักดิ์ เสนาเมือง ชื่อเล่น โก้ เป็นอดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทย ในตำแหน่งกองหน้า ปัจจุบันเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนให้กับฮหว่างอัญซาลาย ในวีลีกของประเทศเวียดนาม อดีตหัวหน้าผู้ฝึกสอนฟุตบอลทีมชาติไทย มีชื่อเล่นที่สื่อมวลชนสายกีฬาตั้งให้ว่า ซิโก้ ตามชื่อของนักฟุตบอลชาวบราซิลที่มีชื่อเสียง อันมีที่มาจากชื่อเล่นของเขาเอง ซึ่งวันนี้ทาง 1SIX8 จะพามามารู้จักอีกหนึ่งตำนาน ที่เป็นทั้งนักเตะ และ โค้ชให้กับทีมชาติไทยของเรา

ซิโก้เกิดเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2516 โดยเขาเกิดที่จังหวัด อุดรธานี และได้ย้ายตามบิดา ไปอาศัยในจังหวัดขอนแก่น ในเวลาต่อมา ซึ่งเขาได้เริ่มแข่งขันฟุตบอลระดับประเทศครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2533 โดยติดทีมชาติไทยชุดเยาวชน ไปแข่งขันที่ประเทศมาเลเซีย และต่อมาในปี พ.ศ. 2536 ก็ขึ้นไปติดทีมชาติไทยชุดใหญ่ครั้งแรก

 ซิโก้ยังอยู่ในทีมชาติไทย ชุดที่ชนะเลิศการแข่งขันฟุตบอล ในกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 17, 18 และ 19 และชุดที่เป็นอันดับ 4 การแข่งขันฟุตบอล ในกีฬาเอเชียนเกมส์สองสมัยติดต่อกันคือ ครั้งที่ 13 ประจำปี พ.ศ. 2541 ซึ่งซิโก้ยิงประตูขึ้นนำทีมชาติเกาหลีใต้ ก่อนที่ธวัชชัย ดำรงค์อ่องตระกูล จะทำประตูโกลเดนโกลให้ทีมชาติไทยผ่านเข้ารอบ 4 ทีมสุดท้าย และครั้งที่ 14 ประจำปี พ.ศ. 2545

 และเขายังมีผลงานอื่นๆในนามทีมชาติอีกมามาย จนทาง  สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) บันทึกว่า ซิโก้ เป็นผู้ทำประตูสูงสุด ให้แก่ทีมชาติไทยชุดใหญ่ ที่ 71 ประตู จากการลงเล่น 134 นัด ในการแข่งขันอย่างเป็นทางการที่รับรองโดยฟีฟ่าโดยนัดสุดท้ายที่ซิโก้ลงเล่นกับทีมชาติไทยชุดใหญ่คือนัดกระชับมิตรที่พบกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่สนามศุภลาศัย กรีฑาสถานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2550

ต่อมาในปี พ.ศ. 2556 :ซิโก้ ได้ถูกแต่งตั้ง แต่งตั้งให้ซิโก้เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนฟุตบอลทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ก่อนที่จะนำทีมชาติไทยชุดดังกล่าวลงแข่งขันฟุตบอลนัดกระชับมิตรกับทีมชาติจีน เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน โดยทีมชาติไทยสามารถเอาชนะทีมชาติจีน ด้วยการทำประตูมากที่สุดในประวัติศาสตร์คือ 5 ต่อ 1 โดยในปลายปีเดียวกัน ซิโก้คุมทีมชาติไทยชุดเดียวกันคว้าเหรียญทองในการแข่งขันฟุตบอลชายกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 27 ที่กรุงเนปยีดอของประเทศพม่า โดยในการชิงชนะเลิศ ทีมชาติไทยชนะอินโดนีเซีย 1 ประตูต่อ 0 ถือว่าเป็นการเริมเป็นผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยอย่างเต็มตัว และได้คุมทีมชาติต่อมาเรื่อยๆ เรียกได้ว่าเขาคือคนที่เข้ามาเปลี่ยนและปลุกกระแส ฟุตบอลทีมชาติไทยขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยแนวทางการทำทีมของเขา ทำให้ ทีมชาติไทยชุดที่ ซิโก้ ดูแลนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ละคว้าแชมป์ในระดับภูมภาคมากมาย

จนกระทั่งในการแข่งขัน ฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบที่ 3 ปรากฏว่าซิโก้ทำผลงานได้อย่างย่ำแย่มาก แข่งไป 7 นัด เสมอเพียงนัดเดียวกับออสเตรเลีย แต่นอกจากนั้นแพ้รวด จนกระทั่งวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2560 ซิโก้จึงประกาศผ่าน อินสตาแกรม ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายเป็นอย่างมาก  และหลังจากที่เขาออกจากการเป็นผู้ฝึกสอน ทีมชาติไทย ซิโก้ ก็ได้ไปเป็นผู้ฝึกสอนให้กับ สโมสรฮหว่างอัญซาลาย ซึ่งเป็นที่ที่เขาเคยค้าแข้งสมัครที่ยังเป็นนักเตะอยู่

แต่ตอนนี้แฟนบอลชาวไทย ก็อาจจะได้ชมเขาคุมทีมอีกครั้ง หลังจากที่ ซิโก้ ได้ออกมาพูดถึง เป้าหมายต่อไปของเขา หลังจากที่ใกล้จะหมดสัญญาการเป็นโค้ช ให้กับสโมสรชื่อดังของเวียดนามในเดือน พฤศจิกายน 2565 ที่จะถึงนี้  นั่นก็คือการไปเป็นผู้จัดการทีมให้กับสโมสรใน เจลีก ซึ่งซิโก้ได้กล่าวว่า "แน่นอน การคุมทีมในเจลีกมันเป็นความใฝ่ฝันอยู่แล้ว เพราะว่าพี่โก้ก็มีความใฝ่ฝันเหมือนกัน อย่างโค้ชเกาหลีหรือโค้ชญี่ปุ่นจบโปรไลเซนส์ ที่เป็นของเอเอฟซี เขาสามารถไปยื่นที่อื่นก็ได้หากว่าโชว์ผลงานการคุมทีมได้ดี คิดว่าเป็นไปได้หมด อย่างเช่นโค้ชที่ทำในญี่ปุ่น ก็มีหลายคนที่เป็นโค้ชต่างชาติ อันนั้นพี่ว่ามันก็เป็นความใฝ่ฝัน ส่วนจะไปได้ไม่ได้มันอีกเรื่อง เราก็ต้องพัฒนาตัวเองให้เกิดการยอมรับก่อน"

"โปรไลเซนส์ คือใบเบิกทาง แต่เราจะทำอย่างไรให้คนที่จะจ้างเรายอมรับก่อน และมาตรฐานของโค้ชมันก็ต้องสร้างโปรไฟล์ ถ้าเรามีคนที่เสนองานให้เราเยอะเท่าไร มันทำให้เรามีความรู้สึกว่ามีคนแอบมองเราอยู่ ก็เหมือนกับนักฟุตบอล ถ้าผลงานดีก็มีคนซื้อ ถ้าผลงานไม่ดีก็ไม่มีใครจ้าง"

"อย่างที่บอกพี่ยังต้องรักษาสัญญากับประธานสโมสรฮหว่างอัญซาลายแต่ในสายงานโค้ชในเรื่องของสัญญามันเป็นคำตอบอยู่ในตัวอยู่แล้ว พี่ถึงไม่ได้ออกไปพูดถึงการไปไหนอะไรยังไง แต่ด้วยความเป็นจริงเราอยู่ในภายใต้สัญญาเป็นหลัก ส่วนในอนาคตสัญญากับฮหว่างอัญซาลายจะเป็นอย่างไร มันก็ขึ้นอยู่กับผลงาน ผลงานปีนี้ทั้งในลีกหรือเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีก จะเป็นอย่างไร เข้าตาประธานสโมสรฮหว่างอัญซาลายหรือไม่ เขาจะต่อสัญญาหรือไม่ต่อ หรือยังไง ถ้าไม่ต่อแล้วจะเป็นอย่างไร เราก็ต้องหางานเอา  นี่คือวิถีของโค้ช ถ้าผลงานดีก็ได้ไปต่อ แต่ถ้าวิถีของโค้ชไม่ดี มันไปต่อไม่ได้หรอก"

พวกเราก็ต้องรอติดตามผลงานเขาต่อไป ไม่แน่ว่าในอนาคต เขาอาจจะกลับมาคุมฟุตบอลทีมชาติไทย ให้เราได้ชมได้เชียร์กันอีกครั้งก็เป็นได้

โพสต์โดย : วิเคราะห์บอล วิเคราะห์บอล เมื่อ 2 ก.ย. 2565 23:25:25 น. อ่าน 183 ตอบ 0

facebook