

ข่าวมวย เหมือนเป็นธรรมเนียมไปแล้วว่าคอหนังจะต้องได้ดูหนังของ เดอะ ร็อก ปีละหนึ่งเรื่องอย่างน้อย ซึ่งในปี 2022 เดอะ ร็อก ก็จะกลับมาพบกับคนดูบนจอเงินอีกครั้งกับ Black Adam หนังซูเปอร์ฮีโร่ค่าย DC ที่เพิ่งเปิดตัวไปหมาด ๆ และมีคิวเข้าฉายในเดือนตุลาคม พร้อมกับถูกคาดหมายว่าจะเป็นหนังอีกเรื่องในโปรไฟล์ของเขาที่ทำเงินเป็นกอบเป็นกำ
อันที่จริงมีนักมวยปล้ำทั้งในอดีตและปัจจุบันหลายคนที่กระโดดจากสังเวียนผ้าใบสี่เหลี่ยมมาสู่โลกภาพยนตร์ แต่กลับมีเพียง เดอะ ร็อก ที่มีงานแสดงอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย นับตั้งแต่หนังเรื่องแรกเมื่อปี 2001 จนตอนนี้เขาได้ยกสถานะตัวเองเป็นซูเปอร์สตาร์แถวหน้าของฮอลลีวูดที่ค่ายหนังทุกยี่ห้ออยากร่วมงานด้วย เพราะมันจะการันตีได้ว่าหนังเรื่องไหนที่ เดอะ ร็อก แสดง เรื่องนั้นจะทำเงินมหาศาลแน่นอน
อะไรคือเคล็ดลับความสำเร็จของเขา และอะไรที่ทำให้เจ้าของท่า “ศอกมหาชน” กลายเป็นนักมวยปล้ำที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในแวดวงฮอลลีวูด Main Stand จะพาทุกคนไปหาคำตอบกัน
ยื่นนามบัตรแนะนำตัวสู่ “ฮอลลีวูด”
แฟนมวยปล้ำยุค 90s คงรู้กันดีว่า เดอะ ร็อก คือใครและโด่งดังแค่ไหน เขาคือซูเปอร์สตาร์ระดับแถวหน้าของสมาคม WWF (หรือ WWEในปัจจุบัน) ด้วยคาแร็กเตอร์เฉพาะตัว ช่างพูด ช่างจ้อ ช่างโม้ทุกครั้งที่ถือไมโครโฟน และลีลาการปล้ำที่เอ็นเตอร์เทนคนดูได้อยู่หมัด ทำให้เขาคือหนึ่งในนักมวยปล้ำที่โด่งดังที่สุดตลอดกาลของสมาคม และดังที่สุดในยุค Attitude Era หรือยุคที่แฟนมวยปล้ำลงความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่าเป็นยุคที่สนุกที่สุดในประวัติศาสตร์ WWE
ด้วยเอกลักษณ์ที่โดดเด่นเหนือใคร ทำให้ วินซ์ แม็คแมน เจ้าของ WWE มองเห็นว่าหาก เดอะ ร็อก มีโอกาสเข้าสู่วงการบันเทิง แทนที่จะออกมากระทืบคู่อริบนเวทีทุกสัปดาห์อย่างเดียว ไม่เพียงแต่จะทำให้ เดอะ ร็อก โด่งดังยิ่งขึ้น แต่ยังเป็นการช่วยโปรโมต WWE ให้เป็นที่รู้จักเพิ่มขึ้นด้วย และอาจเป็นการเปิดตลาดใหม่ ๆ ให้คนที่ไม่เคยดูมวยปล้ำได้ลองหันมาติดตามดูเผื่อจะได้ฐานแฟนคลับเยอะขึ้น นั่นเลยทำให้ช่วงปลายยุค 90s เดอะ ร็อก จึงได้ไปเป็นแขกรับเชิญในรายการทีวีต่าง ๆ มากมาย
โดยเฉพาะ Saturday Night Live รายการวาไรตี้บันเทิงระดับตำนานของอเมริกา ที่ชักชวน เดอะ ร็อก ไปสร้างสีสันหลาย EP. ทั้งในฐานะนักแสดงรับเชิญและพิธีกรในช่วงปี 2000 ซึ่งรายการนี้เปิดโอกาสให้ เดอะ ร็อก ฉายความเป็นตัวเองอย่างเต็มที่ ทั้งการจ้อต่อหน้าคนดูหรือรับบทในละครตลกต่าง ๆ จนทำให้คนดูในห้องส่งและทางบ้านหัวเราะขำกลิ้ง แล้วทุก EP. ที่ เดอะ ร็อก ปรากฏตัว เรตติ้งของ SNL ก็พุ่งกระฉูดชนิดที่ทีมงานเห็นแล้วยิ้มแก้มปริทุกครั้งไป
ไม่เพียงแต่แฟนคลับรายการ SNL เท่านั้นที่ประทับใจคาแร็กเตอร์ของ เดอะ ร็อก แต่ยังรวมถึงบรรดาทีมผู้สร้างภาพยนตร์จากค่ายต่าง ๆ ที่สังเกตเห็นเสน่ห์ที่ทะลุออกมานอกจอของเจ้าตัว และอยากดึงนักมวยปล้ำเจ้าของท่า “ศอกมหาชน” มาลองขึ้นจอเงินในฮอลลีวูด
เปิดตัวด้วยบทบาท “ราชาแมงป่อง”
หลังจาก The Mummy หนังแอ็กชั่นผสมแฟนตาซีภาคแรกออกฉายเมื่อปี 1999 จนประสบความสำเร็จทำรายได้ถล่มทลาย Universal Pictures ค่ายหนังชื่อดังของฮอลลีวูดจึงสั่งเดินหน้าทำภาคต่อในชื่อ The Mummy Returns ในปี 2001 ที่นอกจากได้นักแสดงจากภาคแรกกลับมาครบ พวกเขายังได้นักแสดงหน้าใหม่จากโลกมวยปล้ำมาแจม ซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่นนั่นคือ เดอะ ร็อก ที่ได้โอกาสปรากฏตัวบนแผ่นฟิล์มเป็นครั้งแรกในชีวิตกับบทบาท “ราชาแมงป่อง”
“Fast & Furious” จุดเปลี่ยนที่ส่งให้ เดอะ ร็อก กลายเป็นซูเปอร์สตาร์
ปี 2010 จุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตของ เดอะ ร็อก หรือ ดเวย์น จอห์นสัน ได้มาถึง เมื่อ Universal Pictures ค่ายหนังยักษ์ใหญ่ที่มีความสัมพันธ์อันดีต่อกันเสมอมา ติดต่อชวน เดอะ ร็อก ไปรับบท ลุค ฮ็อบส์ นายตำรวจขาบู๊ในภาพยนตร์เรื่อง Fast Five ภาคต่อของหนังแฟรนไชส์โจรกรรมผสมรถซิ่งสุดฮิตที่มี วิน ดีเซล เป็นผู้รับบทตัวเอก “โดมินิก ทอเร็ตโต” พ่วงตำแหน่งโปรดิวเซอร์คุมการผลิต ซึ่งบทของ เดอะ ร็อก คือการตามจับตัว ทอเร็ตโต้ และแก๊งพระเอกที่อยู่ในบราซิลมาดำเนินคดี
และหลากหลายบทบาทบนแผ่นฟิล์ม !
ด้วยวีธีการทำงานและการทุ่มเทมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่คนดูที่เป็นแฟนคลับของเขา ที่แม้จะถูกแซวบ่อยในระยะหลังว่าเล่นหนังเรื่องไหนก็บทซ้ำเดิมและบุคลิกเหมือนกันทุกเรื่อง แต่แฟนคลับและผู้สร้างก็ไม่สน เพราะไม่ว่าจะเล่นหนังเรื่องไหนเขาก็ยังการันตีรายได้อันงดงามและความสนุกให้หนังทุกเรื่องได้เสมอ ดังนั้นจงอย่าแปลกใจหากเราจะยังคงเห็น เดอะ ร็อก หรือ ดเวย์น จอห์นสัน โลดแล่นอยู่ในวงการฮอลลีวูดและเล่นหนังให้ดูกันไปอีกยาวนานหลาย 10 ปีต่อจากนี้
ติดตามข่าวใหม่ได้ที่นี่! ข่าวมวย
โพสต์โดย : ASVS
เมื่อ 25 ส.ค. 2565 20:09:23 น. อ่าน 162 ตอบ
0