แฟรงค์ โอฟาร์เรลล์ เกิดที่เมืองคอร์ค ในไอร์แลนด์ LEAGUE88 เขาเริ่มต้นอาชีพของเขาด้วยการเป็นนักดับเพลิงฝึกหัดอยู่ในสถานีดับเพลิงของไอร์แลนด์ และในขณะนั้นเองเขาก็เล่นฟุตบอลให้กับคอร์ค เป็นงานพาร์ทไทม์ อีกด้วย
เขาย้ายมาอังกฤษ ในเดือนมกราคมปี 1948 และเริ่มต้นอาชีพค้าแข้งของเขาอย่างจริงจังกับเวสต์ แฮม ยูไนเต็ด และย้ายไปเล่นให้กับเปรสตัน นอร์ธ เอนด์ ในเดือนพฤศจิกายน ปี 1956
และในนามทีมชาติไอร์แลนด์ เขาก็ลงเล่นให้ทีมชาติทั้งหมด 9 ครั้งแฟรงค์ เริ่มต้นเข้าสู่การคุมทีมในเดือนตุลาคมปี 1961 โดยในครั้งนั้นเขาอยู่ในฐานะผู้เล่นผู้จัดการทีมให้กับทีม วีย์เมาธ์ และที่นี่เองที่เขาพาทีมเข้าถึงรอบ 4 เอฟเอ คัพ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร
ความสำเร็จของเขากับวีย์เมาธ์ ทำให้เขามีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก และไม่นานเขาก็ได้รับการติดต่อให้เข้าคุมทีม เตอร์กาย ยูไนเต็ด และเพียงฤดูกาลแรกของเขาก็สามารถพาทีมไต่จากดิวิชั่น 4 ขึ้นสู่ดิวิชั่น 3 ได้สำเร็จ ในเดือนธันวาคม ปี 1968 เขาก็เข้าคุมทีมที่ 3 ในอาชีพผู้จัดการทีม ให้กับเลสเตอร์ ซิตี้ แต่น่าเสียดายที่ฤดูกาลแรกของเขาที่นี่ เขาไม่สามารถช่วยทีมให้หลุดพ้นการตกชั้นได้
แต่เขาก็ยังสามารถพาทีมเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพ ได้ แต่ก็ต้องพ่ายให้กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ และอีก 2 ฤดูกาลหลังจากนั้น เขาก็พาทีมขึ้นสู่ดิวิชั่น 1 ได้ในฐานะทีมแชมป์ดิวิชั่น 2 และจากความสามารถในการคุมทีมของเขาทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สนใจติดต่อให้เขาเข้ามาคุมทีมในเดือนมิถุนายน ปี 1971
และพร้อมๆ กับที่เขาย้ายเข้ามาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ได้ตัว มัลคอล์ม มัสโกรฟ เข้ามาเป็นหัวหน้าสต๊าฟโค้ช ซึ่งมัสโกรฟ นี่เองที่เคยทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยของเขามาก่อน ที่เลสเตอร์ ซิตี้ ภายใต้การคุมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ฤดูกาลแรกของเขา (1971-1992) ทีมก็เริ่มต้นฤดูกาลอย่างดีด้วยการแพ้เพียง 1 นัดใน 14 นัดแรก และเมื่อถึงเดือนตุลาคม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ยึดตำแหน่งจ่าฝูง
จนกระทั่งช่วงก่อนคริสต์มาส ทีมของแฟรงค์ ก็ทำแต้มนำห่างอันดับ 2 ในตารางอยู่ 5 แต้ม แต่แล้วเกมก็กลับตาลปัตร เมื่อพวกเขาเสมอ 3 นัดและแพ้ถึง 7 นัดในช่วงธันวาคม ถึงกุมภาพันธ์ ทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ร่วงลงจากอันดับ 1 ของตาราง และจบฤดูกาลด้วยตำแหน่งที่ 8 ในลีก
ในช่วงฤดูกาลต่อมาเขา ก็ซื้อตัว มาร์ติน บัคคั่น ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 1972 ด้วยค่าตัว 125,000 ปอนด์ และก็เหมือนจะทำให้วันคืนของเขาในช่วงนี้เป็นช่วงที่ดีที่สุด รวมทั้งบัคคั่น เองที่ลงเล่นให้กับทีมถึง 455 นัด
และทำหน้าที่เป็นกัปตันทีม ด้วย ในฤดูกาล 1972-1973 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เริ่มต้นได้แย่มาก เมื่อแพ้ติดต่อกัน 3 นัดให้กับ อิปสวิช, ลิเวอร์พูล และเอฟเวอร์ตัน อีกทั้งดาวดังทั้งหลายของทีมในยุค 60 ต่างก็เตรียมที่จะแขวนสตั๊ดกันแล้ว ทั้ง แพดดี้ ครีแรนด์
ซึ่งเข้ารับหน้าที่ดูแลทีมเยาวชนในสโมสร และ บิลล์ โฟลค์ส ดูแลทีมสำรอง อีกทั้ง จอร์จ เบสต์ ซึ่งดูเหมือนจะมีปัญหามากขึ้นในขณะนั้นในเดือนธันวาคม ปี 1972 กับการเริ่มต้น 22 นัดแรก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะเพียง 5 เสมอ 6 และแพ้ถึง 11 นัด
ในวันอังคารที่ 19 ธันวาคม 1972 บอร์ดบริหารของสโมสรจึงออกมาประกาศว่า “จากการที่ทีมอยู่ในอันดับที่ย่ำแย่มากในลีก ฝ่ายบริหารจึงตัดสินใจให้นายโอฟาร์เรลล์ และนายมัสโกรฟ หลุดพ้นจากตำแหน่งตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป” หลังจากถูกปลดออกจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เขาก็เข้าคุมทีมคาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ในเดือนพฤศจิกายน ปี 1973 และยังเข้าร่วมคุมทีมชาติอิหร่าน ในเดือนเมษายน ปี 1974
และเขาก็ทำได้ดีกับที่นี่ เมื่อพาทีมชาติอิหร่าน เข้าถึงรอบชิงชนะเลิศเอเชี่ยน คัพ ในเดือนกันยายน ปี 1974 และเอาชนะอิสราเอล ไปได้ 1 – 0 หลังจากนั้นเขาก็กลับมาอังกฤษ อีกครั้ง โดยเข้าคุมสโมสรเก่าของเขาเตอร์กาย ยูไนเต็ด ในฤดูกาล 1981-1982 ก่อนที่จะผันตัวเองสู่ฝ่ายบริหาร และเป็นผู้จัดการทั่วไปของสโมสรในปี 1983
เว็บ GCLUBTH.NET ผู้สนับสนุนหลักมีบริการเว็บพนันออนไลน์ ที่นิยมมากหลากหลายช่องทางให้ลูกค้าเลือกเล่นไม่ว่าจะเป็น Gclub, Sbobet , Lsm99 , สมัครจีคลับ ,สมัครสโบเบ็ต , จีคลับ, ลีก88, สมัครลีก88 , League88 , สมัคร Gclub , สมัคร Sbobet, สมัคร Lsm99, สมัคร League88 , ทางเข้า Gclub , ทางเข้า Sbobet , ทางเข้า Lsm99, สมัคร League88 , สโบเบ็ต , slot , gclubมือถือ , มวยออนไลน์, lsm99 มือถือ , LEAGUE88 AGENT
โพสต์โดย : gclubth1 เมื่อ 31 ม.ค. 2562 11:27:55 น. อ่าน 479 ตอบ 0